น้ำยาล้างโซ่ มีอยู่กี่แบบ

น้ำยาล้างโซ่ สเปรย์ล้างโซ่ O-Ring มีอยู่กี่แบบ

น้ำยาล้างโซ่ หรือ สเปรย์สำหรับล้างโซ่นั้นหลายท่านรู้หรือไม่ว่า ที่มีขายอยู่บนท้องตลาดทั่วไปที่เราเคยพบเห็นกันตามร้านขายของแต่งบิ๊กไบค์ หรือ ร้านอุปกรณ์ดูแลรักษาและทำความสะอาดรถมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ มีกันอยู่กี่แบบที่นิยมซื้อกันนำมาใช้ ในวันนี้ ทีมงานจะมาแนะนำ และอธิบายแบบเนื้อๆสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับ น้ำยาล้างโซ่ ทั่วไป และ น้ำยาล้างโซ่เฉพาะ O-Ring “ในส่วนเนื้อหานี้ทีมงานจะไม่ขอเล่าถึงพวกน้ำมันทั่วไปหรือประเภทน้ำยาล้างจานนะครับ” เราจะเล่าถึงสเปรย์ล้างโซ่ที่ วางจำหน่ายขายเท่านั้น

น้ำยาล้างโซ่ มีกี่แบบ กี่ชนิด

สำหรับน้ำยาล้างโซ่ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ 1 น้ำยาสเปรย์ล้างโซ่แบบข้อโซ่ทั่วไป เหมาะสำหรับล้างโซ่รถจักรยานยนต์ทั่วๆไป เช่น ตกูล 125-110cc ยกตัวอย่าง Wave หรือ มอไซค์ขนาดเล็ก และ แบบที่ 2 สเปรย์ล้างโซ่ สำหรับบิ๊กไบค์ โดยเฉพาะ หรือ น้ำยาล้างโซ่ สำหรับ โซ่ที่เป็น O-Ring ซึ่งเป็นสเปรย์ทำความสะอาดที่อยู่ในระดับปลอดภัยต่อการกัด O-Ring ภายในข้อโซ่ หรือ ถนอม โซ่ O-Ring โดยเฉพาะ

อนิเมะ ซับไทย , อนิเมะ

ส่วนชนิดของน้ำยาล้างโซ่ที่เห็นบนท้องตลาดที่หาซื้อได้ทั่วไปตอนนี้ ก็จะมีอยู่กัน 2 ชนิดเช่นกัน ก็คือ แบบฉีดล้างไปบนโซ่แล้วต้องแช่น้ำยาล้างโซ่ทิ้งไว้ซักระยะเวลา นึง โดยทั่วไปก็มี 5-15 นาที แล้วขัดด้วยแปรงขัดโซ่ทั่วไป และ อีกชนิดคือ แบบฉีดล้างทำความสะอาดได้ทันที โดยไม่ต้องแช่ทิ้งเอาไว้ และไม่ต้องขัดเลย

ซึ่งที่กล่าวมา สเปรย์น้ำยาล้างโซ่พวกนี้ จะมีขายอยู่ไม่กี่เจ้าส่วนมากเราก็จะเห็นกันบ่อยๆตามร้านซ่อมบิ๊กไบค์ ร้านขายของแต่ง หรือ ร้านอุปกรณ์ทำความสะอาดจำพวกยานยนต์ หาซื้อไม่ยาก แล้วหากถามว่า อันไหนดีกว่ากัน คือมันขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ใช้งาน ทุกชนิด ทุกประเภท ทุกแบบมันดีหมด แต่อาจขึ้นกับการนำไปใช้งานกับสภาพนั้นๆมากกว่า เช่น สเปรย์ล้างโซ่ฉีดแล้วล้างออกทันที ถ้าไปฉีดใส่โซ่พวกขี่ลุยๆอย่าง โซ่รถ Enduro ถามว่าทำความสะอาดได้หรือไม่ โซ่ที่โดนดิน โดนทรายมา แน่นอนครับ ฉีดล้างได้ แต่ถามว่า กว่าจะล้างออกหมด ให้สะอาดเอี่ยม หมดไปกี่ป๋อง? แต่ถ้าเลือกใช้แบบฉีดแล้วแช่ทิ้งไว้ แล้วเอาแปรงขัด ซึ่งทำความสะอาดได้เหมือนกัน แต่เสียเวลารอ แต่ประหยัดกว่าและขัดหรือทำความสะอาดได้ดีกว่าเพราะเราขัดเอง

แต่ถ้าเราขี่รถบิ๊กไบค์ทางเรียบ หรือ สายออกทริปทั่วไป ยกตัวอย่างสมมุดว่าโซ่โดนตมแบบไม่ตั้งใจ ขี่ไปโซ่มีหินมีดิน ขัดกับฟันสเตอร์ หน้า-หลัง ต้องแวะล้างออกงี้ จะเลือกใช้น้ำยาลางโซ่แบบแช่แล้วทิ้งไว้ กว่าจะเสร็จไหนจะหาน้ำมาฉีด แล้วต้องนั่งขัด เปลี่ยนเป็นใช้ น้ำยาล้างโซ่ แบบฉีดแล้วล้างออกเลย ไม่สะดวกกว่าหรอ อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆนะครับ เราเพียงยกข้อเปรียบเทียบ เหตุผลที่จำต้องเลือกมาใช้งาน เพราะมันดีกันคนละแบบ และอยู่ที่คนซื้อมาจะเลือกใช้

บทความแนะนำ

ล้างโซ่ Fast Chain Cleaner

สเปรย์ล้างโซ่ แบบล้างได้ทันที กับ สเปรย์ล้างโซ่แบบต้องแช่และต้องขัด ต่างกันอย่างไรบ้าง?

น้ำยาล้างโซ่ แบบฉีดแล้วล้างออกได้ทันที สำหรับตัวนี้ จะแบ่งออก 2 ชนิดเหมือนกัน ที่พบเห็น และ หาซื้อได้ง่ายๆนะครับ คือ น้ำยาล้างโซ่ประเภทนี้ จะฉีดไปบนโซ่ที่เปื้อนๆ หรือ สกปรก น้ำยาจะทำหน้าที่ได้ไวมากกัดล้างสิ่งสกปรกเช่น คราบน้ำมันเคลือบโซ่เก่า คราบต่างๆที่ติดบนโซ่ ที่น้ำเปล่าฉีดเฉยๆไม่สามารถล้างออกได้ หรือ จำพวกคราบน้ำมันบนโซ่ เพียงฉีด ก็จะล้าง คราบพวกนี้ออกได้ทันที อย่างที่บอกครับ ถึงจะล้างออกได้ทันที ก็มี 2 ชนิดเช่นกัน ชนิดแรกคือ แบบฉีด แล้ว ล้างทำความสะอาดได้ทันที และ ยังสามารถขัดโซ่เองด้วยแปรงไปในตัวได้ด้วย โดยตัวล้างชนิดนี้ จะไม่ผสมแอลกอฮอล์ น้ำยาจะไม่แห้งทันที แต่ทิ้งไว้นานก็ระเหยออกเองได้เหมือนกันแต่คงไม่มีใครทิ้งเอาไว้แบบนั้นหรอกจริงไหม ซึ่งตอนนี้ Bigbikeinfo ก็มีผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เช่นกัน คือ Fast Chain Cleaner ล้างโซ่ได้ทันที และ สามารถขัดด้วยแปรงได้อีกด้วย สำหรับชนิดที่ 2 คือ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์  แต่ตัวนี้จะดีหน่อย บางยี่ห้อ สามารถล้างจานเบรคหรือฉีดล้างปั้มล่างได้ด้วยก็มี สำหรับสเปรย์ล้างโซ่ที่ผสมแอลกอฮอล์ นี้จะล้างโซ่ได้ทันที และ น้ำยาล้างจะแห้งหลังฉีดล้างไม่นาน ซึ่งยี่ห้อที่ขายทั่วไปที่พบเห็นเวลาใช้งานค่อนข้างเปลืองมาก ฉีดล้างไม่ถึง 10 วิ แห้งแล้ว คราบดำๆบนโซ่กำลังไหลออกไม่หมดเลยก็มี อันนี้ขึ้นกับความชำนาญในการล้างด้วยนะ

  • ข้อดี ของน้ำยาล้างโซ่แบบฉีดแล้วล้างออกเลย คือ ประหยัดเวลา สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน
  • ข้อเสีย ของน้ำยาล้างโซ่แบบฉีดแล้วออกเลย คือ ราคาค่อนข้างสูงกว่า แบบแช่ทิ้งไว้ แต่ราคาก็ห่างกันไม่ได้เยอะเท่าไหร่

น้ำยาล้างโซ่ แบบฉีดแล้วแช่ทิ้งไว้ และ ต้องขัดทำความสะอาด สำหรับน้ำยาล้างโซ่แบบแช่ทิ้งไว้ นี่นิยมกันใช้เยอะสำหรับคนมีเวลาล้างและดูแลรักษาความสะอาดให้กับบิ๊กไบค์ ซึ่งแบบฉีดแช่ทิ้งไว้ ก็จะมีอยู่ไม่กี่เจ้าที่ขายกัน โดยทั่วไปก็ฉีดใส่โซ่ทิ้งไว้ 5-15 นาที แล้วขัดด้วยแปรงขัดโซ่ ขัดแล้ว ใช้น้ำเปล่าล้างออก ตาม Step การล้างทั่วไป ซึ่ง ค่อนข้างเสียเวลาอยู่ ในเรื่องของราคาก็ไม่ได้สูงมาก จับต้องได้ง่าย หาซื้อง่าย

  • ข้อดี ของน้ำยาล้างโซ่แบบฉีดแล้วแช่ทิ้งไว้ คือ ทำความสะอาดได้ดี ราคาถูก หาซื้อง่ายมาก มีหลายยี่ห้อให้เลือก
  • ข้อเสีย ของน้ำยาล้างโซ่แบบฉีดแล้วแช่ทิ้งไว้ คือ เสียเวลา เปลืองน้ำยาถ้าต้องล้างหลายรอบ และ เสียเวลาเพิ่มขึ้น

น้ำยาล้างโซ่ สเปรย์ล้างโซ่ O-Ring

น้ำยาล้างโซ่เปลืองไหม ใช้ได้กี่ครั้ง

คือต้องอธิบายแบบนี้ก่อน โดยทั่วไป น้ำยาล้างโซ่ ที่มีขาย ขนาดก็จะมีอยู่ไม่เกิน 3 ขนาด คือกระป๋องเล็ก กระป๋องกลาง และ กระป๋องใหญ่ ที่ไม่เกิน 600ml แน่นอน ซึ่งผมขอเปรียบเทียบ แบบล้างได้ทันที และ แบบแช่ทิ้งไว้ 2 ชนิดนี้ ถ้าโซ่เปื้อนและเละจริงๆ เปลืองเหมือนกันทั้ง 2 ชนิดครับ ให้นึกถึงว่า โซ่ที่คุณใช้งานกับรถนี้สกปรกหนักแค่ไหน แล้ว ฉีดล้างพอเหมาะ หรือ เปล่า แต่เอาจริงๆน้อยคนที่โซ่จะเละแบบดิบเถื่อน เอาประมาณละกัน ถ้าเป็นแบบฉีดแช่ทิ้งไว้แล้วขัดตัวนี้ จะใช้ได้หลายครั้งมากกว่า ราวๆ 5-7 ครั้ง ประมาณจากขนาด 600ml ส่วนตัวฉีดแล้วล้างออกเลยไม่ได้แช่เนี่ย ค่อนข้างจะหมดไว ล้างสะอาดๆ อาจล้างได้แค่ 3-5 ครั้งเท่านั้นเอง แต่แลกด้วยที่ไม่ต้องมานั่งขัดๆ ล้างน้ำขัดๆ ถูกๆ ก็ถือว่าทดแทนกันได้

น้ำยาล้างโซ่แบบไหนดี

สรุป ใช้น้ำยาล้างโซ่แบบไหนดี?

สรุปแบบคนทำเวลา แอดมินเลือก แบบล้างออกได้ทันที สะดวกกว่า และเลือกแบบ Fast Chain Cleaner ด้วยคือฉีดล้างได้ทันที และ ขัดได้ด้วย เหมือน 2 in 1 ในตัว จบ ถึงจะล้างดิสเบรค หรือ ล้างปั้มล่างไม่ได้เหมือนแบบมีแอลกอฮอล์ ก็ไม่เป็นไร เพราะซื้อมาไว้สำหรับล้างโซ่ และ ราคาไม่ได้แพงกว่า สเปรย์ล้างโซ่แบบฉีดแล้วแช่ทิ้งไว้ เท่าไหร่เลย จากที่ทดสอบความสะอาด ไม่ต่างกันเลย แต่ได้เปรียบคือเรื่องของเวลา และ ความสะดวกเวลาเลือกมาใช้งาน

นี่คือทั้งหมดของ Topic น้ำยาล้างโซ่ สเปรย์ล้างโซ่ O-Ring มีอยู่กี่แบบ วันนี้ สรุปแบบคนใช้งานจริงๆ จากทั้งแบบล้างโซ่แช่ทิ้งไว้ และ แบบล้างได้ทันที มันก็ดีทั้ง 2 แบบ มีข้อดีข้อเสียเหมือนกัน อยู่ที่คุณจะเลือกใช้ และ คุณชอบ ไม่มีการบังคับ เพียงแค่มาแนะนำและบอกถึงความแตกต่างให้ได้อ่านกัน ผิดพลาดอย่างไร ขออภัยไว้ด้วย ขอบคุณครับ